โลซิน ไม่สิ้นหวัง
ใครบางคนส่งข่าวมาว่า “ลมหนาวมาแล้วนะ” แต่สำหรับใจผมตอนนี้ “หนาวกว่าลม”
“จะดำน้ำได้เหรอ จะไปจริงๆ เหรอ” “ก็ต้องไปแหละผมตอบ ดำได้ ไม่ได้ อีกเรื่องหนึ่ง ต้องไป !!”
อุบัติเหตุเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้หลังผมมีปัญหา การยกถังอากาศดำน้ำซึ่งต้องใช้หลังเป็นตัวรับน้ำหนัก ทำให้ผมหนักใจ และกังวลใจมิใช่น้อย หลังจากทานยาตามใบสั่งของหมอและทำกายภาพทุกวัน ร่างกายก็ดีขึ้นบ้างแต่ยังไม่สมบูรณ์
ขณะเดียวกันในใจก็ลุ้นระทึกอยู่ว่าจะสามารถดำน้ำ และทำสิ่งที่ผมรักต่อไปอีกได้มั๊ย หรือต้องหยุด เลิกไปเลย
ลองคิดเล่นๆ ว่าหากต้องเลิกดำน้ำจริงๆ ผมจะทำยังไงกับชีวิต(สุนทรีย์) ที่เหลือ
“สังขาร” กับอายุ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การยกของผิดท่าผิดทาง เพียงนิด ทำให้เกิดอุบัติเหตุกับร่างกายได้
เคยมีคนถามผมว่า “สามารถดำน้ำจนถึงอายุเท่าไหร่ หรือ คนอายุมากๆ ดำน้ำได้มั๊ย”
“ได้ครับ หลายคนที่เคยร่วมทริปกับผม อายุห้า -หกสิบกว่ากันทั้งนั้น” คำตอบนี้ผมตอบใครๆอยู่เสมอ ก่อนเกิดอุบัติเหตุกับตัวเอง แต่วันนี้ผมตอบตัวเองว่า “อย่าประมาท กับชีวิต” การมีร่างกายที่แข็งแรง พอจะดำน้ำได้จนถึงอายุ ห้า หกสิบกว่าเหมือนเพื่อนร่วมทริปนั้น หมายถึงการมีพลานามัยที่สมบูรณ์ ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ไม่ใช่ว่าดำได้อย่างใจนึกโดยปราศจากความสมบูรณ์ของร่างกาย
ทริปดำน้ำ”โลซิน” ที่เซ็ตไว้แล้วกับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ แต่ The show must go on และสุดท้ายผมก็ต้องไปตามกำหนดการ “ดำได้ ดำไม่ได้ ว่ากัน”
เรือดำน้ำหลายลำลอยรายรอบประภาคารกลางทะเลแปซิฟิกอ่าวไทย เมื่อช่วงสายของวันเสาร์ ปลายเดือนกันยายน
ประภาคารแห่งนี้เป็นจุดที่เรียกว่า “โลซิน” กองหินโผล่พ้นน้ำ ซึ่งนอกจากจะเป็นประภาคารส่องแสงไฟให้เรือรู้ว่ามีเกาะแก่งหินอยู่ตรงนี้จะได้ไม่มาชน ยังเป็นจุดในการหาผลประโยชน์ทางทะเลร่วมกันระหว่าง มาเลเซียกับไทยด้านก๊าซธรรมชาติ
สมัยก่อน กว่าจะมาโลซิน ต้องไปขึ้นเรือกันที่ ปัตตานี หรือนราธิวาส แต่หลายปีหลังเหตุความไม่สงบทางภาคใต้ ทำให้นักดำน้ำเลือกที่จะขึ้นเรือกันที่สงขลาแทนเพื่อความปลอดภัย
“โลซิน” อยู่น่านน้ำของจังหวัดปัตตานี ห่างจากฝั่งประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร หากเรือวิ่งออกจากท่าเรือสงขลา หรือปัตตานี จะใช้เวลากว่า 9-10 ชั่วโมง ถ้าเรือออกจากท่าก่อนเที่ยงคืนจะถึง “โลซิน” ประมาณเก้าโมง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วเรือและสภาพคลื่นลม เนื่องจากโลซินเป็นจุดที่ดำน้ำที่ไกลมาก เคยได้ยินว่า ”มาก็เสียดาย ไม่มาก็เสียดาย”
เพราะการเดินทางร่วมสิบชั่วโมง กับโอกาสที่หากเจอคลื่นลมแรง ไร้เกาะกำบัง ก็ต้องกลับท่าเรือกันอย่างเดียว มีนักดำน้ำหลายคนที่ไปไม่ถึงโลซิน ความหวัง ความศรัทธา(หรือไม่ก็เพื่อนหลอกมา)เท่านั้น ที่จะทำให้นักดำน้ำดั้นด้นมา”โลซิน” จนได้
การดำน้ำส่วนใหญ่จะดำกัน 2 วัน หรือประมาณ 7 ไดฟ์ มีจุดดำน้ำเยอะเหรอ หลายคนอาจสงสัย ไม่เยอะหรอกครับ ก็มีจุดเดียวนั่นแหละโดยมีประภาคาร เป็นองค์ประธาน จะวนซ้าย หรือวนชวา ก็ตามศรัทธา อ้อ !! ยังมีกองหินกองนอกอีกกองที่อยู่ทางทิศใต้ของประภาคาร ยอดห่างจากผิวน้ำประมาณ 8-10 เมตร มีดงดอกไม้ทะเล และฝูงปลาหูช้างว่ายหากินอยู่แถวนั้น และโอกาส “ลุ้น” ของใหญ่ ที่มีมากพอๆ กับกองใน หรือรอบประภาคาร
ไดฟ์แรกๆ ความหวัง ความฝันเต็มเปี่ยมอยู่ในแววตาของทุกคน แต่หลังจาก ดำน้ำ ขึ้นมากินข้าว หาวววววววว หวอดๆ ล้มตัวงีบๆ แต่แค่เคลิ้มๆ กระดิ่งเรียก “ดำน้ำครับ ดำน้ำ” ก็ปลุกเราขึ้นจากความฝัน และนึกในใจว่า “ปลุกทำไม คนจะนอน”
พร้อมทั้งอาการกระปรี้กระเปร่าหมือนไดฟ์แรกๆ หายไป เหมือนต้องเอาปืนไปจี้ว่า “ต้องดำน้ำอีกแล้วเหรอ”
ไดฟ์ที่หนึ่ง ไดฟ์ที่สอง ไดฟ์ที่สาม ไนท์ไดฟ์(ดำกลางคืน)ผ่านไป ไดฟ์ที่ห้า ไดฟ์ที่หก ความหวังของพวกเราเริ่มรางเลือน เพราะไร้เงาเจ้าตัวที่พวกเราอุตสาห์ดั้นด้นมาตามหาเค้า
ในไดฟ์สุดท้าย ไดฟ์ที่เจ็ดของทริป ความหวัง ความฝัน และความมุ่งมั่น ตีฟิน ตีฟิน และตีฟิน(ลิ้นห้อย) จากกองนอกหลังจากวนหาสัตว์ในตำนานแล้ว เราไม่เจอเค้า เราตีฟินกันเพื่อเข้าไปกองใน หรือรอบประภาคาร”โลซิน” ห้านาทีสุดท้าย และอากาศเฮือกสุดท้าย หลังจากที่ลอยกลางน้ำกันมาร่วมสี่สิบนาที ผมเชื่อมั่นว่าเพื่อนร่วมทริปทุกคนหวังและภาวนาให้เจอเถอะเพราะไดฟ์สุดท้ายแล้ว หากไม่เจอเราจะกลับไปกินแห้ว และโดนเพื่อนนักดำน้ำถากถางว่า อะไร ? ไม่เจอเหรอ!! ประมาณนี้และ แต่กฏของ Secret ยังใช้ได้กับกระแสจิตของพวกเรา “จงมา จงมา จงเจอ มาเถอะ ขอร้อง จะขึ้นแล้ว(อันนี้ผมพากษ์จากความน่าจะเป็นของความรู้สึกของทุกคน และรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างว่า “ตูต้องเจอ”
ที่กลางน้ำ เงารางๆ ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะเริ่มชัดขึ้น ชัดขึ้น พร้อมลิ่วล้อเหาฉลาม ว่ายเป็นพรวมตามลูกพี่ใหญ่มา “ฉลามวาฬ” ที่เราเฝ้าตามหา ตามล่าด้วยกล้องถ่ายรูปมาจนถึงไดฟ์ที่ 7 ก็มาให้เราเจอ เค้าลอยตัวนิ่ง เหมือนเครื่องบินกำลังจะ Landing เราทั้งกลุ่มเร่งความเร็วในการตีขา เพื่อที่จะถ่ายรูปเค้าให้ทัน แต่เสี้ยวนาที พี่ยักษ์ โบกหางทีนึง หายไปในม่านน้ำ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กับทริป”โลซิน” ที่ไม่สิ้นหวัง ของเรา พี่ฉลามวาฬมาโบกหางอำลาในไดฟ์สุดท้าย
ขึ้นเรือครบทุกคน เรือบ่ายหน้ากลับสงขลา พระอาทิตย์เริ่มตกน้ำยามเย็น สาดแสงสุดท้ายก่อนจะจมหายไปในขอบฟ้าฝากขโน้น พรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกอีกครั้งหนึ่งและทุกๆ วัน ใครที่ยังไม่เจอ”ฉลามวาฬ(Whale SharK) แมนต้าเรย์(Manta Ray) หรือตัวใดๆ ก็ตาม ที่คุณยังไม่เคยพบเจอพวกเค้า ดำน้ำต่อไปครับ ดำต่อไป แล้วคุณจะเจอพวกเค้าเองในไดฟ์หนึ่ง ในชีวิตคุณ จงอย่าคาดหวังว่าคุณจะเจออะไรๆ ที่คุณอยากเจอในทุกๆ ไดฟ์ที่ลง แต่จงมีความหวังในทุกๆ ไดฟ์ในการดำน้ำและในชีวิตคุณ |